วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บทที่ 2 道案内

บทนี้จะขอกล่าวถึงงานชิ้นแรกที่ได้รับมอบหมาย タスク1:手際の良い説明 นะขอรับ

ก่อนอื่นก็บทเขียนที่แก้แล้วหลังจากได้รับคอมเม้นต์จากเพื่อนและจุดผิดที่อาจารย์ชี้มาให้

タイトル:BTSチョンナンシ駅からチュラ大学のBRKビルへの行き方

BTSチョンナンシ駅からチュラーロンコーン大学文学部のBRKビルまでの道のりを説明します。手段はBTSと徒歩です。
まず、25バーツのBTSの切符を買って、BTSチョンナンシ駅から「ナショナル・スタジアム駅」行きの電車に乗車します。チョンナンシ駅から数えて3つ目のサイアム駅で下車してください。電車を降りたら、階段を下ります。そして、サイアム駅の表示に従って「6番の出口」を目指して、改札口を出ます。6番の出口はサイアム・パラゴンというデパートの向こう側にあります。ここで注意して欲しいのが、6番の出口には2つの階段があるということです。1つ目の階段は改札口を出ると、すぐに見えます。もう1つの階段はセントラル・ワールドへのスカイウォークに繋がります。スカイウォークに繋がる道を少し歩いて、1番近い階段を下りてください。
次に、チュラーロンコーン大学まで徒歩で行きます。階段を下りたら、ブーツという店が左側に見えます。そこで後ろに向き直って、その道を直進してください。10分ぐらい徒歩して、パトゥムワン・デモンストレーションという学校を通ったら、ようやくチュラーロンコーン大学に到着します。チュラーロンコーン大学に入ったら、MCSというビルが右側に見えます。MCSビルの1階には食堂があります。BRKビルはMCSビルの隣にあります。大学の門から2つ目のビルなのです。

ต่อมาคือความรู้สึกหลังและการคิดทบทวนตัวเองจากการทำงานนี้
อย่างแรกคือ ครั้งแรกที่เขียนแนะนำทางอ่านแล้วเข้าใจยาก คำศัพท์ที่ใช้ก็ดูเป็นภาษาพูดมากกว่าภาษาเขียน พูดง่ายๆ คือเป็นคำศัพท์ง่ายๆ ที่คิดออกในตอนนั้นนั่นเอง ร้ายกว่านั้นยังบอกจุดสังเกตบางอย่างผิดอีกต่างหาก 555 กริยาที่ใช้ผิดที่อยากจะเก็บไว้เป็นจุดสังเกตในครั้งนี้ก็คือคำว่าลงบันได 階段を下りるที่ตอนแรกเขียนเป็น 階段を降りる ความจริงดูเหมือนว่าจะมีการใช้คันจิที่พ้องเสียงทั้งสองตัวนี้ในกรณีลงบันไดทั้งคู่เหมือนกัน แต่หลังจากที่ได้ค้นข้อมูลเพิ่มเติมจาก google แล้วได้ผลเป็นเว็บ yahoo ของญี่ปุ่นอีกที ก็เห็นคนญี่ปุ่นคนหนึ่งบอกว่า 下りる คือการเคลื่อนย้ายตำแหน่งจากข้างบนลงมาข้างล่าง ส่วน 降りる คือการเคลื่อนย้ายจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่ง พูดง่ายๆ คือ
下りる←→上がる、昇る
降りる←→登る、乗る
แล้วก็บอกเพิ่มเติมว่า 下 อ่านว่า くだる และ さがる ได้ด้วย จะช่วยในการจดจำการใช้คันจิสองตัวนี้ได้ง่ายขึ้น
หลังจากนั้น พออาจารย์เอาตัวอย่าง 道案内 ของคนญี่ปุ่นมาให้ดูแล้วจึงได้ตระหนักถึงความอ่อนด้อยในการใช้คำและไวยากรณ์ภาษาญี่ปุ่นในการเขียนของตนเองยิ่งนัก (แต่ก็ยังดีกว่าพูดนิดหน่อย) ตัวอย่างที่อาจารย์นำมาให้ดูมีประโยชน์มาก เป็นตัวอย่างการใช้คำ ใช้ประโยค ใช้ไวยากรณ์ที่ดีควรค่าแก่การจดจำแล้วนำไปใช้ตามยิ่งนัก เช่น การจบท้ายประโยคสุดท้ายด้วย のです ซึ่งแสดงการเน้นย้ำสิ่งที่ได้อธิบายไปก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม หลังจากแก้งานชิ้นนี้ครั้งที่หนึ่งแล้วก็พบว่าเมื่อมีตัวอย่างงานมาให้ดูแล้วสามารถเขียนได้ดูดีอ่านเข้าใจง่ายกว่าเดิม และเนื่องจากมีเวลาคิดทบทวนและหาข้อมูลจึงสามารถใส่รายละเอียดเพิ่มเติมให้เป็นจุดสังเกตได้มากขึ้น แต่ก็ยังบอกจุดสังเกตบางอย่างผิดอยู่ดี 555 หลังจากรับคอมเม้นต์จากเพื่อน และได้รับการชี้แนะจุดผิดจากอาจารย์ก็พบว่ายังใช้กริยาบางคำผิดอยู่ เช่น ในภาษาญี่ปุ่นประธานของประโยคที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตไม่สามารถทำกริยาที่เป็นความตั้งใจได้ ในที่นี้คำที่ใช้ผิดก็คือ เอา 6番の出口 (ทางออกหมายเลข 6) ไปเชื่อมกับกริยา へ導く (นำไปสู่) นอกจากนี้ก็ยังใช้กริยาผิด จากที่ตั้งใจจะเขียนว่ากลับหลังหัน 後ろに向き直る ตอนแรกรู้จักแต่คำว่า 振り返る (ความหมายทำนองหันไปมอง) ก็เลยเขียนเป็น 後ろを振り返る ไป ผิดความหมายไปซะอย่างนั้น 555 คนอ่านคงจะงงว่าบอกให้หันกลับไปมองแล้วเดินต่อไปทำไม...
สรุปได้ว่าการทำงานชิ้นแรกได้ชี้ให้เห็นจุดอ่อนและข้อผิดพลาดทางการใช้ภาษาญี่ปุ่นของตัวเองหลายจุดมาก แต่ก็แก้ไขและเพิ่มคลังคำศัพท์ในสมองได้หลายคำเช่นเดียวกัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่างานที่แก้ไขครั้งสุดท้ายแล้วนี้จะไม่มีข้อผิดพลาดที่มากขึ้นกว่าเดิม เพราะคราวนี้ไม่มีคนตรวจเช็คข้อผิดให้ ถ้าใช้ผิดแล้วก็อาจจะจำไปใช้ต่อไปแบบผิดๆ ได้นั่นเอง... OTL

วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บทที่ 1 เรื่องของจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก

เนื่องจากชาวบ้านเขาเริ่มบันทึกของตัวเองกันไปแล้ว ข้าพเจ้ายังมีแค่บทเกริ่นนำ... วันนี้เป็นฤกษ์งามยามดี(?) จึงขอเริ่มกับเขาบ้างก็แล้วกัน
อย่างไรก็ดี ยังคงไม่รู้อยู่ดีว่าจะต้องทำแบบไหน ข้าพเจ้าที่เลือกหัวข้อหลักเป็นการพูด หัวข้อย่อย コロケーション ที่ว่ายังไม่รู้ว่าต้องทำแบบไหนเพราะปกติไม่ค่อยได้พูดญี่ปุ่นนั่นเอง ฮ่าๆ มีบ้างที่พยายามจะพูดกับเพื่อน แต่ก็ไม่รู้สึกว่าได้คำศัพท์อะไรใหม่ๆ เท่าไร - -"
เพราะงั้นขอทำเป็นแบบบันทึก コロケーション ที่พบเจอในช่วงนั้นๆ เลยก็แล้วกัน
อ้อ ที่จริงก็อยากทำเรื่อง 文末 ที่อยู่ในหมวดไวยากรณ์ด้วยเช่นกัน เพราะรู้สึกว่าฝึกพูดได้ง่ายกว่า เพราะฉะนั้นอาจจะแทรก 文末 มาบ้างเป็นระยะๆ นะขอรับ

ก่อนอื่นบทความของวันนี้ก็ขอพูดถึง コロケーション ที่พบในวิชาการสนทนาภาษาญี่ปุ่นซึ่งได้เรียนไปในวันนี้นี่แหละ อันที่จริงก็มีหลายคำ แต่คราวนี้จะขอพูดถึงสำนวนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ ความรู้สึก จิตใจอย่างเดียวก่อนก็แล้วกัน คำแรกคือ 腹が立つ แปลว่าโกรธ ตอนแรกที่เห็นคำนี้ก็งง ว่าท้องตั้ง ท้องยืนทำไมแปลว่าโกรธ แต่ก็สังเกตว่าคนญี่ปุ่นจะชอบใช้คำว่า 腹 (ท้อง) ในกรณีของความรู้สึก จิตใจ ซึ่งปกติคนไทยก็จะใช้คำว่าใจนั่นแหละ อย่างคำว่าใจดำ ก็เป็น 腹黒い (ท้องดำ) จริงๆ ก็น่าสนใจนะว่าทำไมคนญี่ปุ่นถึงชอบใช้คำว่า 腹 ถ้าหาข้อมูลเรื่องนี้ได้ก็จะนำมาแปะไว้นะขอรับ
นอกจากท้องแล้ว ในวิชาสนทนาวันนี้ก็มีคำว่า 頭にきる ที่แปลว่าโกรธ ไม่พอใจอีกเช่นกัน เห็นคำนี้ก็นึกถึงคำในภาษาไทยอะไรประมาณว่า ปรี๊ดขึ้นสมอง ก็เลยคิดว่าภาษาญี่ปุ่นกับภาษาไทยก็มีคำที่สื่อความหมายคล้ายๆ เยอะเหมือนกันนะ พอพูดแบบนี้แล้วก็คิดต่อไปได้ว่าเพราะคนเอเชียมีวัฒนธรรมอะไรบางอย่างร่วมกันหรือเปล่า แต่เรื่องอารมณ์ความรู้สึกนี้ ปกติก็มักจะเกี่ยวกับจิตใจหรือสมองอยู่แล้ว ถึงแม้สมองจะเป็นส่วนที่สั่งการ แต่เวลารู้สึกอะไรก็ส่งผลให้จังหวะหัวใจเปลี่ยนไปด้วย เพราะงั้นแม้จะเป็นชาติตะวันตกก็อาจจะเหมือนกันก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่ใช่แค่วัฒนธรรมร่วมกันของคนเอเชีย แต่กลายเป็นวัฒนธรรมของมนุษย์มากกว่า เพิ่งเคยเห็นญี่ปุ่นนี่แหละที่เห็นใช้คำว่าท้องในกรณีของจิตใจ รู้สึกว่าก็แปลกดีเหมือนกัน 55
นอกจากนี้ก็มีคำว่า 胸を打たれる แปลว่าถูกทำให้ประทับใจ เนื่องจาก 打つ แปลว่าจู่โจม โจมตี ก็เลยทำให้คิดว่าเมื่อจิตใจถูกอะไรบางอย่างจู่โจมเข้ามา มันก็เลยประทับอยู่ข้างในงั้นสินะ อีกคำหนึ่งคือ 胸がいっぱいになる แปลว่าดีใจ คิดว่าน่าจะคล้ายกับคำว่าอิ่มเอมใจ อิ่มอกอิ่มใจ อะไรแบบนี้หรือเปล่าหว่า? คำหลังนี้ข้าพเจ้าพบในเพลงเพลงหนึ่ง ซึ่งเป็นเพลงเกี่ยวที่มีเนื้อหากับเพื่อน ในท่อนที่ร้องว่า 「今は全ての出会いが宝物になって 言葉に出来ないくらいの想いが溢れて 胸がいっぱい」 ดูจากบริบทแล้วก็น่าจะหมายถึงรู้สึกดีใจมาก มีความสุขมากราวกับว่าจิตใจได้รับการเติมเต็มอะไรแบบนั้นล่ะมั้ง

เรื่องของท้อง สมอง และใจยังไม่จบลงแต่เพียงเท่านี้ แต่ตอนนี้นึกออกแค่นี้ เพราะงั้นหากมีสิ่งที่น่าสนใจนอกจากนี้ก็จะมาเพิ่มเติมทีหลังนะขอรับ



ป.ล. เพลงที่กล่าวถึงชื่อเพลง 「ありがとう」を伝えたい ที่มิคุ (โวคาลอยด์) ร้องนะขอรับ

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

อารัมภบท

ฮัลโหล เทสท์ เทสท์ หนึ่ง สอง สาม...

เพิ่งเคยใช้งานบล็อกนี้เป็นครั้งแรก ยังงงกับระบบหลายๆ อย่างอยู่
นอกจากนั้นก็ยังงงๆ กับงานที่ได้รับมอบหมายเช่นกัน เนื่องจากไม่ได้เข้าไปฟังคำอธิบายในคาบเรียนแรกเพราะเพิ่งลงทะเบียนทีหลัง - -"
ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ค่อยแน่ใจเลยว่าเรื่องที่ตัวเองเลือกทำมันต้องทำยังไง 555 แต่ก็จะพยายามให้ดีที่สุดก็แล้วกัน


เป้าหมายและปณิธานในการทำบล็อกนี้
เนื่องจากเลือกหัวข้อการพูดและหัวข้อย่อยคำศัพท์ : คอลโลเคชั่นไป ก็ย่อมแน่นอนว่าต้องการพัฒนาทักษะทางการพูดของตัวเอง
สาเหตุ :   - รู้ตัวว่าทุกวันนี้พูดภาษาญี่ปุ่นได้ย่ำแย่มาก คือไม่สามารถแปลสิ่งที่อยากจะพูดได้ทันเวลาพูด
               - บางทีก็นึกศัพท์ญี่ปุ่นไม่ออก และหลายๆ ครั้งที่ไวยากรณ์ก็มั่ว พูดผิดพูดถูก (แน่นอนว่าส่วนใหญ่ผิด) เพราะการพูดไม่มีเวลาให้คิดมาก เพราะมีคนรอฟังอยู่เมื่อคิดแล้วต้องพูดเลยไม่มีเวลาทบทวน
               - ต่างจากการเขียนที่มีเวลาให้คิดเยอะกว่า และคิดว่าเพราะคิดก่อนได้ เลยมีปัญหากับการเขียนน้อยกว่า
               - ดังนั้นการทำเรื่องคอลโลเคชั่นอาจจะดีก็ได้ เป็นการเพิ่มคลังคำศัพท์และการใช้งานไปในตัว เพราะรู้สึกว่าตัวเองรู้ศัพท์น้อย (มีปัญหากับศัพท์มากกว่าไวยากรณ์ มั้ง) เวลาจะพูดอะไรก็พูดไม่ค่อยได้เพราะนึกศัพท์ไม่ออก ต้องถามชาวบ้านตลอด นั่นแหละประเด็น...


ส่วนเครื่องมือที่จะใช้สืบค้นการใช้คอลโลเคชั่น
                - อันนี้ต้องขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงที่ได้แนะนำเว็บไซต์ค้นหาคอลโลเคชั่นภาษาญี่ปุ่น http://nlb.ninjal.ac.jp/ มาให้ เป็นเว็บไซต์ที่มีประโยชน์มากจริงๆ ถ้าไม่ได้อาจารย์แนะนำนี่จะไม่มีทางรู้จักเลย ซาบซึ้งมากขอรับ T^T
                - นอกจากนี้ก็ยังมีเว็บไซต์ที่คาดว่าทุกคนคงใช้กัน http://www.google.com/ นั่นเอง ฮ่าๆๆ ใช้สืบค้นได้ทุกอย่างตั้งแต่ศัพท์ยันไวยากรณ์ ฯลฯ
                - สำหรับการเพิ่มเติมคลังคอลโลเคชั่นทางอื่นนั้น ก็ต้องขอบคุณการ์ตูนญี่ปุ่นทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นอนิเมหรือมังงะ รวมถึงนิยายที่พยายามจะแปลอยู่ด้วย เพราะหลายๆ คำที่อ่านเจอบ่อยก็จดจำและลองนำไปใช้ตาม และเพราะว่าได้อ่านได้เห็นจากอนิเม มังงะ นิยายที่ชอบนี่แหละ จะทำให้จำได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเคยได้แปลมาแล้ว เวลาจะนึกศัพท์นึกไวยากรณ์อะไรไปใช้ก็จะจำได้ว่าเคยแปลคำที่มีความหมายอย่างนี้มานะ สำหรับตัวเองแล้วมันติดตามากกว่าคำที่เคยเจอครั้งเดียวในห้องเรียน อีกอย่างถ้าลืมก็สามารถกลับไปค้นจากหนังสือเหล่านั้นได้


หมายเหตุ : บล็อกนี้จัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะกิจ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของงานในรายวิชา Applied Japanese Linguistic ของนิสิตเอกภาษาญี่ปุ่นชั้นปีที่ 3 คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะขอรับ m(_ _)m


แก้ไขครั้งที่ 1 วันที่ 23 พฤศจิกายน 2556
แก้ไขครั้งที่ 2 วันที่ 17 มกราคม 2557